เที่ยว 9 ศาลเจ้าที่ต้องไปขอพร เมื่อไปเยือนญี่ปุ่น

ศาลเจ้าโคอิโนะคิ (Koinoki Shrine) เป็นศาลเจ้าย่อยที่ตั้งอยู่ในเขตของศาลเจ้ามิซุตะ ในจังหวัดฟุกุโอกะ มีชื่อเสียงด้านการขอพรเรื่องความรัก เป็นที่ประดิษฐาน โคอิโนมิโคโตะ (Koi-no-Mikoto) เทพเจ้าแห่งความรัก บริเวณศาลเจ้ามีการตกแต่งด้วยรูปหัวใจ และสีชมพูสุดน่ารัก ระหว่างทางเดินไปศาลเจ้าจะเรียงรายด้วยแผ่นเซรามิกรูปหัวใจ เครื่องราง เซียมซีแบบญี่ปุ่น และแผ่นภาพสำหรับเขียนคำอธิษฐานที่มีการออกแบบรูปหัวใจ ใครที่อยากขอพรดวงชะตาความรัก คู่ของ ที่นี้ห้ามพลาดเลยนะ วัยรุ่นที่ญี่ปุ่นชอบมาขอพรกันเยอะมาก และยังสามารถเก็บภาพถ่ายได้ด้วยนะคุ้มมากๆ 

ศาลเจ้าไดจินกู (Tokyo Daijingu) แห่งโตเกียว คือ ศาลเจ้าในญี่ปุ่น ซึ่งตามความเชื่อของคนท้องถิ่นว่ามีเทพแห่งความรักสถิตอยู่ จนทำให้ที่นี่กลายเป็น ศาลเจ้าญี่ปุ่น ขอพรด้านความรัก ของคนที่ยังโสดอยู่ ยิ่งเฉพาะช่วงวาเลนไทน์นี้คือคึกคักกันมากๆ 

ส่วนใครอยากจะมาขอพรด้านความรักทางศาลเจ้าก็มีวิธีขอพรของศาลเจ้านี้นะ แค่โค้งคำนับ 2 ครั้ง จากนั้นก็ตบมือ 2 ครั้ง จากนั้นขอพร ขอพรเสร็จโค้งคำนับอีกรอบเป็นอันจบ แล้วมารอสมหวังในด้านความรักกันได้เลย และยังมีเครื่องรางประจำศาลเจ้าขายกันด้วยนะ ใครที่อยากสมหวังด้านความรักกันนานๆ ซื้อติดตัวเอาไว้ก็ช่วยกันได้เยอะเลย แล้วเครื่องรางของแต่ละศาลเจ้ามีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยนะ เพราะงั้นซื้อติดไว้ก็ดีนะ

ศาลเจ้าอิมะโดะ (Imado Shrine) ตั้งอยู่ใกล้กับวัดอาซากุสะ มีความโดดเด่นแตกต่างจากที่อื่นคือ มีแมวกวัก หรือ มาเนกิเนะโกะ (Manekineko) ตั้งอยู่มากมายทั่วทั้งศาลเจ้า มีตำนานเล่าว่าในสมัยเอโดะมีหญิงชราคนหนึ่งเลี้ยงแมวไว้ แต่ด้วยความยากจนทำให้ไม่สามารถเลี้ยงแมวตัวนั้นต่อได้ เมื่อคุณยายนำแมวไปปล่อย ก็ฝันว่าแมวมาบอกให้ปั้นตุ๊กตารูปแมวขึ้นมาแล้วจะโชคดี ทำให้มีการทำตุ๊กตาแมวกวักในแบบอิมาโดะยากิ และเกิดเป็นความเชื่อต่อมาเรื่อยๆ ว่าถ้าจะมาขอพรเรื่องโชคลาภให้มาขอกับแมวกวักที่นี่ 

ในส่วนถ้าใครอยากจะมาขอพรด้านความรักกับแมวกวัก ให้เขียนคำอธิษฐานบนแผ่นป้ายรูปแมวกวัก 2 ตัว ใครสมหวังแล้วให้เขียนบนแผ่นรูปแมวกวักแต่งงาน แล้วในทุกศาลเจ้าจะมีเครื่องรางขาย สามารถซื้อติดตัวกันไว้ได้นะ

ศาลเจ้าจิชุจินจะ (Jishu Shrine) ศาลเจ้าที่อยู่ติดกันกับ วัดคิโยมิสุ หรือ วัดน้ำใส โดยศาลเจ้าจิชุจินจะจะตั้งอยู่ทางเหนือของวิหารหลักของวัด ใช้ทางเข้าหลักทางเดียวกับวัดคิโยมิสุได้เลย ซึ่งจุดไฮไลต์ของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือ ก้อนหินทำนายรัก โดยเป็นหิน 2 ก้อน ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร เรียกกันว่า หินตาบอด เชื่อกันว่าถ้าสามารถหลับตาแล้วเดินจากหินก้อนหนึ่งไปยังหินอีกก้อนได้โดยท่องชื่อคนรักไว้ในใจจะทำให้สมปรารถนา แล้วทางศาลเจ้านี้มีไอเท็มเพิ่มดวงชะตาความรัก กับเครื่องรางขายกันด้วยนะจะซื้อไว้ติดตัว หรือซื้อไปฝากก็ได้ทั้งนั้นเลย

ศาลเจ้าอิซูโมะ ไทฉะ (Izumo Taisha Shrine) ตั้งอยู่ในเมืองชื่อเดียวกับศาลเจ้า ภายในจังหวัดชิมะเนะ บนเกาะฮอนชู ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเรื่องของความรัก เพราะศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่สถิตของเทพเจ้าโอคุนินุซึโนะ โอคะมิ ที่เป็นเทพเจ้าของความสัมพันธ์ การสมรส แล้วทาง

ใครที่อยากจะมาขอพรด้านความรักทางศาลเจ้านี้มีวิธีขอพรด้วยทำตามนี้ได้เลย ปรบมือ 4 ครั้ง จากนั้นโค้งคำนับ โดย 2 ครั้งแรกจะหมายถึงตัวเราเอง ส่วน 2 ครั้งหลังหมายถึงคนรักหรือคนที่เรากำลังแอบชอบนั่นเอง ในเมื่อศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในญี่ปุ่น ทำให้คนหนุ่มสาว หรือแม้กระทั้งผู้ใหญ่วัยกลางคนที่ยังโสดอยู่ แห่กันมาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้กันเยอะมากเลย 

ศาลเจ้าฟุตะมิโอะคิตามะ (Futami Okitama Shrine) ตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆ ของจังหวัดมิเอะ มีสิ่งหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าหากใครมาขอพรเรื่องความรักแล้วจะสมหวังดังปรารถนากันทุกคน นั่นก็คือ เมะโอะโทะอิวะ (Meoto Iwa) หรือ หินแต่งงาน ซึ่งมีลักษณะเป็นหิน 2 ลูกตั้งอยู่ในทะเล โดยมีเชือก Oshimenawa เชื่อมคล้องกันเอาไว้ คล้ายกับด้ายมงคลของคู่บ่าวสาว ผู้คนมักในท้องถิ่นนิยมมาอธิษฐานขอพรหินแต่งงานนี้เพื่อให้มีชีวิตสมรสที่มีความสุข และครองคู่กันให้ยาวนานเหมือนกับหินทั้ง 2 ก้อนนี้

ศาลเจ้าทะมัตสึคุริ อินาริ (Tamatsukuri Inari Shrine) ศาลเจ้าเก่าแก่ที่ว่ากันว่าสร้างขึ้นใน 12 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้า ชื่อของศาลเจ้าได้มาจากผู้ผลิตอัญมณีที่ชื่อว่า มะกะทามะ (Magatama) ศาลเจ้านี้เป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นบ้านเกิดของเทพเจ้าผู้พิทักษ์ปกป้องปราสาทโอซาก้า ภายในศาลเจ้ามีพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงอัญมณี โบราณวัตถุ เครื่องปั้นดินเผา เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์อัญมณี และขั้นตอนการทำอัญมณีให้ได้รับชมกัน

ส่วนนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากจะมาขอพรด้านความรักที่ศาลเจ้านี้ก็มีวิธีขอพรของศาลเจ้าอยู่ เขียนป้ายขอพรเอมะ (Ema) รูปสุนัขจิ้งจอกนั่งเข้าหากันเป็นรูปหัวใจ ผู้ชายเขียนชื่อฝั่งซ้าย (สุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่) ส่วนผู้หญิงเขียนชื่อฝั่งขวา (สุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก) จากนั้นเขียนคำอธิษฐานและวันที่ด้านล่าง แล้วจึงนำไปแขวนเพื่อเทพเจ้าแห่งความรักรับรู้ แค่นี้เป็นอันเสร็จ

ศาลเจ้าอะคะงิ (Akagi Shrine) ศาลเจ้าสีแดง ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ยื่นไปในทะเลสาบโอนุมะ ศาลเจ้าสีแดงตัดกับทะเลสาบสีฟ้า และป่าสีเขียวบนภูเขาในฤดูร้อน ทำให้ที่นี่มีความสวยงามโดดเด่น มีสะพานสีแดงสดใสเป็นสัญลักษณ์ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของอิวาทซึทซึ โนะ มิโคโตะ (Iwatsutsuo no Mikoto) เทพเจ้าของญี่ปุ่น และ อากากิฮิเมะ โนะ มิโคโตะ (Akagihime no mikoto) ตามความเชื่อของคนในท้องที่ พวกเขาเชื่อกันว่า เทพธิดาองค์นี้สามารถช่วยเรื่องความรักได้ ทาง เสี่ยงเซียมซี ของที่นี้นั้นก็แม่นมาก และภายในบริเวณศาลเจ้ายังได้ปลูกต้นซากุระอีกหลายสายพันธุ์ จนทำให้คนแห่กันมาขอพร เที่ยมชมกันเยอะมากๆ 

ศาลเจ้าคาวาโกเอะฮิคาวะ (Kawagoe Hikawa Shrine) พิกัดศาลเจ้าอีกหนึ่ง ศาลเจ้าในญี่ปุ่น ที่เก่าแก่อายุมากกว่า 1,500 ปี ที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าในศาสนาชินโต 5 พระองค์ ซึ่งแต่ละพระองค์ต่างก็เป็นคู่สามีภรรยา หรือเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกันด้วยนะ  

เซียมซีรูปปลาไท่ คืออีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ศาลเจ้านี้โด่งดังมากในแถบนั้นมาก ซึ่งจะมีกระดาษเซียมซีเสียบอยู่ที่ปากปลา แบ่งเป็น 2 สี คือ สีแดงจะเป็นเรื่องทั่วไป ส่วนสีชมพูจะเป็นเรื่องความรัก นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์เอมะ แผ่นไม้สำหรับเขียนคำอธิษฐานที่แขวนเรียงรายกัน ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่า 600 ปี ที่เชื่อกันว่าถ้าเดินวนเป็นรูปเลข 8 จะได้รับพลังที่ช่วยในเรื่องต่างๆ ทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมขอพรศาลเจ้านี้กันไม่ขาดสาย ไหนจะแถวนั้นยังมีศาลเจ้า เล็กๆ ให้ขอพรเพิ่มกันได้ด้วยนะ