Oktoberfest เทศกาลกินเบียร์ระดับโลก

จุดเริ่มต้นของเทศกาล Oktoberfest นี้เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.1810 ซึ่งขณะนั้นมกุฎราชกุมารลุดวิก ที่ต่อมาได้เลื่อนยศขึ้นเป็นกษัตริย์ลุดวิก ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงของ Saxony-Hildburghausen ในวันที่ 12 ตุลาคม 1810 โดยพระองค์ได้เชิญชาวเมืองมิวนิคให้เข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นในช่องด้านหน้าของประตูเมือง อันเป็นพื้นที่ที่เรียกว่า Theresienwiese และต่อมาชาวบ้านจึงเรียกชื่อสั้นๆ ว่า Wiesn ภายในงานยังมีกิจกรรมการแข่งม้าของเหล่าบรรดาราชวงศ์ จนเกิดเป็นประเพณีของการจัดงานเทศกาล Oktoberfest ขึ้นในปีต่อๆ มา

การจัดงานในปี ค.ศ.1811 นอกจากจะมีการแข่งม้าแล้ว ยังมีส่วนของกิจกรรมส่งเสริมทางการเกษตรของแคว้นบาวาเรียเพิ่มเข้ามาด้วย จนกระทั่งปี ค.ศ.1818 จึงมีการเพิ่มทางเลือกเพื่อความสนุกสนานของชาวเมืองด้วยการนำเครื่องเล่นอย่าง Swing ride ม้าหมุน และชิงช้าสวรรค์ ทำให้บรรยากาศของงานคึกคักมากยิ่งขึ้น และในปี ค.ศ.1896 การยืนดื่มเบียร์เพื่อเฉลิมฉลองในพื้นที่เล็กๆ ก็ถูกแทนที่ด้วยเต็นท์เบียร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงเบียร์ต่างๆ ทั่วเยอรมนี จนถึงปัจจุบัน ถือเป็น เทศกาลเบียร์ เยอรมัน ที่ถูกยกย่องว่าเป็นงานเฉลิมฉลองที่ใหญ่สุดในโลก ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานถึง 6 ล้านคนเลยทีเดียว

เทศกาล Oktoberfest ที่จัดขึ้นในปีนี้เป็นครั้งที่ 189 ทางการของเยอรมณีได้จัดเต็มให้กับนักท่องเที่ยวทุกคนได้สนุกแบบสุดเหวี่ยงกัน โดยที่เต็นท์เบียร์จะเปิดตั้งแต่ 10 โมง ส่วนวันเสาร์ - อาทิตย์จะเปิด 9 โมง และปิดเวลา 23.30 น. แต่ถึงจะชื่อว่าเป็นเทศกาลเบียร์ก็ตาม แต่ก็เปิดพร้อมต้อนรับทั้ง เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ให้มาสนุกกันในเทศกาลนี้ที่จัดขึ้นแค่ปีละครั้งอีกด้วย

และอีกหนึ่งพาเหรดที่ไม่อยากให้พลาดเลยคือ ขบวนพาเหรดการแต่งกายแบบดั้งเดิม นี่คือขบวนพาเหรดที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยในขบวนพาเหรดจะใช้นักแสดงทั้งหมดกว่า 9,000 คน เดินไปตามเส้นทางในเมือง แล้วจุดเด่นเลยคือ นักแสดงจะแต่งกายแตกต่างกันไปตามแต่ภูมิภาคทำให้เกิดความตื่นตาตื่นใจแก่ คนที่ชมพาเหรดอยู่ แต่ไฮไลท์จริงๆ คือภายในขบวนยังมีทหารในเครื่องแบบโบราณ ที่หาดูได้ยากมาก การเต้นรำพร้อมขบวน ขบวนรถม้า พาเหรดจะมีแค่ช่วงเปิดงานเท่านั้นเพราะงั้นถึงไม่อยากให้พลาดกัน 

โดยในเทศกาล Oktoberfest  จะมีวงดนตรีขนาดใหญ่กว่า 400 วง หมุนเวียนเปลี่ยนกันมาเปิดคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่บริเวณรูปปั้น Bavaria เดินภายในงานไปฟังไป จิมเบียร์ไปฟังด้วย ไม่มีเบื่อแน่นอน

ได้ชื่อว่าเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก โดยตัวงานมีเต็นท์เบียร์ขนาดใหญ่ 17 เต็นท์ และเต็นท์เล็กอีก 21 เต็นท์ มีตั้งแต่เบียร์แบรนด์เก่าแก่ สูตรต้นตำรับ ไปจนถึงแบรนด์ระดับนานาชาติให้นักท่องเที่ยวทุกคนเลือกดื่มตามความชอบได้เลย และในแต่ละเต็นท์ยังมีการตกแต่งทั้งด้านใน และ ด้านนอก อันเป็นเอกลักษณ์มีความสวยงามไม่เหมือนกันในแต่ละเต็นท์เลย 

ทาง EDC TRAVEL จะแนะนำเต็นท์ขนาดใหญ่ 10 เต็นท์ให้ชมกันก่อนจะได้ไปถึงตัวงานจริงๆ แต่ถึงทางเราจะยกมา 10 เต็นท์ แต่ยังเหลือ เต็นท์ใหญ่อีก 7 เต็นท์เล็กอีก 21 เลยนะ บอกเลยว่าเที่ยวดื่มทั้งวันยังไม่ครบทุกเต็นท์เลย  

Augustiner Festhalle เบียร์จากโรงเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในมิวนิค โดยบรรจุมาในถังไม้โอ๊คขนาดใหญ่ พร้อมด้วยอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงในระดับภูมิภาค พื้นที่เต็นท์ขนาดใหญ่สามารถจุคนได้มากกว่า 8,500 คน สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนชอบสไตล์วินเทจ บรรยากาศสบายๆ ชิวๆ ต้องชอบเต็นท์นี้แน่นอนและยังมีบริการ นักท่องเที่ยว แขก ทุกคน ด้วยคาวมเฟรนลี่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับเพื่อนอีกด้วย 

Armbrustschutzen เต็นท์เบียร์นี้จัดตั้งขึ้นจากสโมสร Winzerer Fahndl Schutzengilde โดยเป็นห้องขนาดใหญ่ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 7,000 คน จุดเด่นของเต็นท์นี้คือ วัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารนั้นมาจากฟาร์มปศุสัตว์ของตัวเอง ทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจได้เลยว่าอาหารบาวาเรียที่นำมาเสริฟนั้นจะสดใหม่ทั้งอาหารและเครื่องดื่มแน่นอน คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่นอน 

Fischer Vroni เต็นท์เบียร์ในบรรยากาศเรียบง่าย อบอุ่นเป็นกันเอง รองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้กว่า 4,000 คน สำหรับคนไหนที่ชอบบรรยากาศเรียบง่าย สบายๆ จิบเบียร์ชิวๆ เหมือนอยู่ในบ้านตัวเอง ไฮไลท์ของเต็นท์คือ  ปลาย่างเสียบไม้ ไก่ย่างแบบดั้งเดิม ย่างบนเตาถ่านแบบเปิดที่ยาวถึง 15 เมตร เสิร์ฟพร้อมเบียร์ กินพร้อมจิบเบียร์ในบรรยากาศชิวๆ ฟินแน่นอน

Paulaner Festzelt เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ Winzerer Fahndl ตัวเต็นท์มีการตกแต่งและออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยบนหอเต็นท์จะประดับด้วยเหยือกเบียร์ขนาดใหญ่ที่หมุนติ้วๆ อยู่ตลอด ทำให้นักท่องเที่ยวถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากตัวเต็นท์ก็สามารถสังเกตุเห็นได้ตลอด ภายในเต็นท์ให้อารมณ์สบายๆ สามารถจุคนได้กว่า 8,000 คน ใครที่มาดื่มเต็นท์นี้แล้วโชคดีอาจได้เจอกับผู้เล่นของทีมสโมสรบาเยิร์นมิวนิคตัวเป็นๆ อีกด้วยนะ ถ้าได้เจอถือว่าดวงดีมากๆ เลย

Hofbrau Festzelt เป็นเต็นท์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเทศกาล สามารถจุคนได้มากกว่า 9,000 คน สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่ชื่นชอบในการยืนดื่ม เต็นท์นี้มีพื้นที่ให้สำหรับการยืนดื่มพร้อมบริการกันด้วย และยังเป็นอีกเต็นท์เบียร์ที่มีชื่อเสียงในแคว้นบาวาเรีย แต่จุดเด่นจริงๆ ของ Hofbrau Festzelt อยู่ที่การตกแต่งเพดาน ที่จะใช้ผ้าลวดลายสีสบายตาและโคมต้นไม้จำนวนมาก ประดับเต็มเพดานกันเลย 

Marstall Festzelt เป็นเต็นท์เบียร์น้องใหม่ของงานเทศกาล Oktoberfest แต่สามารถจุคนได้มากกว่า 4,000 คน มาพร้อมกับโซนยืนดื่มที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 200 คน โดยได้ชื่อมาจากโรงเรียนสอนขี่ม้าของอดีตศาลแห่งบาวาเรีย ซึ่งสร้างโดยสถาปนิกชื่อดังนาม Leo von Klenze ในช่วงศตวรรษที่ 19 การตกแต่งของเต็นท์นี้จึงมีม้าเป็นหลัก นอกจากนั้นเบียร์ Spaten และอาหารบาวาเรีย ยังเป้นอีกหนึ่งจุดขายที่ทำให้เต็นท์น้องใหม่เต็นท์นี้มี นักท่องเที่ยว แขก แวะเวียนกันเข้าไปดื่มกันไม่ขาดสายเลยนั้นเอง

Schottenhamel Festhalle จุดเด่นของเต็นท์นี้คือดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์คงไว้ซึ่งความเก่าแก่ แต่อันที่จริงแล้วรู้กันไหมว่าเต็นท์นี้ก็ยังเป็นเต็นท์เบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดด้วยนะ และยังสามารถจุคนได้มากกว่า 9,000 คน โดยเต็นท์นี้ก่อตั้งขึ้นจากครอบครัว Schottenhamel ทั้งยังเป็นตัวแทนของาน Oktoberfest มาตั้งแต่ปี 1867 และเต็นท์นี้ยังเป็นที่ชื่นชอบมากจากคน หนุ่ม สาว นักศึกษา โดยพวกเขาจะชอบมานัดเจอกันที่เต็นท์นี้กันบ่อยมาก โดยเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ ที่บอกเลยว่าคนแน่นเต็นท์เลยละ

Hacker Festzelt เต็นท์เบียร์แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็น สวรรค์ของบาวาเรีย จุดเด่นของเต็นท์นี้คือการตกแต่งเพดานเป็นท้องฟ้าสีพาสเทลและผนังด้านข้างเป็นลายบ้านเมือง ได้รับการออกแบบดีไซน์จาก Rolf Zehetbauer เจ้าของรางวัลออสการ์ในสาขา Best Art Direction  และสามารถจุคนได้มากกว่า 9,000 คน และเต็นท์นี้ยังได้รับความนิยมจาก หนุ่มๆ สาวๆ ทำให้ส่วนมากลูกค้าในเต็นท์จะเป็นคน หนุ่ม สาว ซะส่วนมากนั้นเอง

Kafer Wiesn-Schanke เต็นท์เบียร์ที่จัดขึ้นโดยบริษัทอาหารสำเร็จรูป Kafer เต็นท์นี้มีจุดเด่นๆ เลยคือสร้างจากไม้เนื้อแข็ง ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยว แขก นึกถึงบรรยากาศของบ้านไร่เก่าๆ อบอุ่น โดยเต็นท์เบียร์นี้เข้าร่วมงาน Oktoberfest เป็นครั้งแรกในปี 1971 มีพื้นที่ในร่มและกลางแจ้งพร้อมบริการทุกคนได้กว่า 3,000 คน นอกจากจะมีเบียร์รสเลิศที่จัดเสิร์ฟให้แล้ว ที่นี่ยังเสิร์ฟแชมเปญรสนุ่ม และอาหารหลากหลายในเทศกาลอีกด้วย